ลัดคิวมารีวิวหลังสัปดาห์หนังสือ (ออนไลน์) แบบได้มาปุ๊บเปิดอ่านปั๊บ สำหรับหนังสือที่ชื่อเรื่องดึงดูดใจซะเหลือเกิน

"จดโน้ตขั้นเทพ เปลี่ยนกระดาษให้เป็นสมองที่สอง"

อา... แค่ชื่อก็กินขาด

อิงเองชื่นชอบการจดโน้ต และเชื่อเสมอว่าคนจดโน้ตเก่งได้เปรียบคนที่ฟังอย่างเดียวไม่จดอะไร

แต่... จดอย่างไรถึงจะ up skill ด้านนี้ได้?

ลองมาดูรีวิวกันค่ะ

(มี spoil นิดหน่อยพองาม แถมอิงว่าชื่อหนังสือควรตั้งเป็น 'คิดอย่างไรให้จดโน้ตได้ขั้นเทพ' มากกว่า)

More...

เกี่ยวกับผู้เขียน

ยูจิ มาเอดะ กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่ 8 ขวบ ความลำบากและการสูญเสียคนที่รักไปตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้เขาโหยหาความรักและเกือบกลายเป็นเด็กไม่ดี แต่แล้วเขากลับพบว่าการจดโน้ตอย่างตั้งใจของเขากลายเป็นสิ่งที่ผู้คนรอบข้างชื่นชม ทำให้เขาพัฒนาทักษะการจดบันทึกนี้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และมาจริงจังมากขึ้นเมื่อเริ่มทำงานหลังเรียนจบจากวาเซดะ (มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังของญี่ปุ่น)

การจดโน้ตของเขายังช่วยในการก่อตั้ง Showroom ซึ่งเป็นช่องทางสำหรับการไลฟ์ (ต่อมาได้รับการลงทุนจากโซนี่และควบรวมธุรกิจเข้าด้วยกัน) 

คุณมาเอดะให้เครดิตว่าสิ่งที่ช่วยให้เขามีทุกอย่างในวันนี้ ก็คือ ทักษะการจดโน้ตของเขานั่นเอง

อิงว่าที่จริงชีวิตคุณมาเอดะนั้นน่าชื่นชมไม่แพ้หนังสือของเขา และเป็นข้อพิสูจน์ว่าถึงคุณจะไม่ได้พรั่งพร้อมเหมือนคนอื่น คุณก็ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ หากเปลี่ยนความทุกข์ที่ได้รับเป็นแรงขับเคลื่อน (ไม่ใช่นำมาเป็นข้ออ้างในการทำสิ่งที่ไม่ดี)

หนังสือเขียนเกี่ยวกับอะไรบ้าง

หนังสือประกอบด้วย 7 บท และ 1 ภาคผนวก (ใหญ่ ประมาณ 1 ใน 3 ของหนังสือ) ได้แก่

#บทนำ ถ้ามีเวทนมตร์แห่งการจดบันทึก ก็ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้จะเอาชนะคุณได้

เป็นการเกริ่นนำถึงประโยชน์ของการจดบันทึก ผ่านประสบการณ์ส่วนตัวของคุณมาเอดะ (แอบตกใจกับจำนวนบันทึกที่แกจดเหมือนกันค่ะ)

#บทที่ 1 เปลี่ยนเรื่องราวธรรมดาให้เป็นไอเดียด้วยการจดบันทึก

บทนี้แนะนำวิธีและเทคนิคการจดบันทึกอย่างละเอียด เช่น 

  • ใช้สมุดบันทึกแบบเปิดหน้าซ้ายขวา (เพื่อให้ได้พื้นที่เปิดกว้าง)
  • การแบ่งหน้ากระดาษออกเป็นส่วนๆ เพื่อใช้บันทึก (เนื้อหาหลักจะมี 5 ส่วน คือ 1) วันที่และสรุป 2) ชื่อเรื่อง 3) ข้อเท็จจริง 4) สรุปเป็นแนวคิดใหม่ และ 5) ประยุกต์ใช้)
  • การใช้ปากกา 4 สี เพื่อช่วยเพิ่มทักษะการตัดสินใจ
  • การปักหมุดข้อมูลด้วยการใส่สัญลักษณ์

สิ่งที่อิงชอบ คือ การให้ความสำคัญกับชื่อเรื่อง สรุปเป็นแนวคิดใหม่ และการประยุกต์ใช้ เพราะหากสุดท้ายแล้วมีแต่ข้อเท็จจริง การจดบันทึกนั้นก็ไปไม่ถึงประโยชน์สูงสุดที่เราควรจะได้รับจากการจดโน้ต

#บทที่ 2 คิดให้ลึกซึ้งด้วยการจดบันทึก

บทนี้พูดถึงการใช้แนวคิด “What” “How” และ “Why” ในการคิดให้ลึกซึ้งขึ้น เพื่อจดโน้ตแบบเอาไปใช้ประโยชน์ต่อได้ ถึงแม้ว่าเนื้อหาในบทนี้จะไม่ใช่การ “จด” แต่เน้นไปที่การ “คิด” ทำให้อ่านค่อนข้างยากนิดนึง เพราะต้องใช้สมองคิดตามเยอะ แต่อิงบทนี้มีประโยชน์มากนะคะ 

แนะนำให้อ่านมากกว่า 1 รอบค่ะ เพื่อทำความเข้าใจและปรับพื้นฐานการคิดในการจดโน้ต รวมถึงทำความเข้าใจกับระบบการคิดที่คุณมาเอดะใช้ในการจดโน้ต เมื่อนำไปใช้จริง เราไม่จำเป็นต้องทำเหมือนเขา 100% ค่ะ แต่ต้องเข้าใจแนวคิดเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับตัวเราและวิธีคิดของเราค่ะ 

#บทที่ 3 ทำความรู้จักตัวเองด้วยการจดบันทึก

เป็นการประยุกต์ใช้การจดบันทึก (รวมถึงการคิดก่อนจดโน้ต) เพื่อวิเคราะห์ตัวเอง จะมีตัวอย่างการจดโน้ตตามวิธีที่คุณมาเอดะสอนให้ดูอยู่ในบทนี้ด้วย

#บทที่ 4 ทำความฝันให้เป็นจริงด้วยการจดบันทึก

บทนี้จะออกแนวพูดเรื่องทั่วไปในการทำงานและทำความฝันของเราให้เป็นจริง ที่การคิดและจดโน้ตสามารถช่วยได้ อือม... บทนี้ออกแนวเรื่องเล่าหลายๆ เรื่องมารวมกัน ไม่สปอยล์ละกันค่ะ

#บทที่ 5 การจดบันทึกคือวิธีการดำเนินชีวิต

อิงชอบหัวข้อที่ใช้เปิดบทนี้ ที่ว่า แท้จริงแล้วการจดบันทึกไม่ใช่ "วิธีการ" แต่เป็น "ทัศนคติ" ดังนั้นบทนี้ไม่ได้พูดถึงเทคนิคการจดโน้ต แต่พูดถึงความเกี่ยวข้องของการคิดและจดโน้ต รวมถึงผลที่เกิดขึ้นจากการคิดและจดโน้ตที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตเรา (และในทางกลับกันด้วยค่ะ)

#บทส่งท้าย หยิบปากกา ลงมือจด แล้วเปลี่ยนแปลงชีวิตและโลกใบนี้

บทส่งท้ายไม่กี่หน้านี้ คุณมาเอดะเล่าเรื่องของตัวเขาให้เราฟังว่าการจดโน้ตเปลี่ยนชีวิตเขาได้อย่างไร (อ่านแล้วได้แรงบันดาลใจที่ดีเลยค่ะ) พร้อมกับเป็นกำลังใจให้ผู้อ่านของเขาทุกคนมุ่งมั่นที่จะจดโน้ตเพื่อที่จะเปลี่ยนชีวิตให้ได้เหมือนกัน

#ภาคผนวก 

ในภาคผนวกจะประกอบด้วย แบบทดสอบวิเคราะห์ตัวเอง 1,000 ข้อ (เพื่อทำความรู้จักตัวเอง) และหลักการชีวิต (ที่รวบรวมมาจากโซเชียลเน็ตเวิร์ค) อันนี้อิงว่าดูเหมือนไม่เกี่ยวกับการจดโน้ตเท่าไหร่ (แต่ผู้เขียนบอกไว้หลายครั้งในหนังสือว่า หากเราไม่รู้จักตัวเอง จดโน้ตไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่รู้จะเอาไปใช้เพื่ออะไร) 

อิงเองค่อนข้างชอบภาคผนวกนี้เลยค่ะ นั่งตอบกันเพลินเลย บางอย่างก็ไม่เคยคิดถึงมาก่อน เช่น คนที่สร้าง impact แก่ตัวเรามากที่สุดในชีวิตคือใคร หรือ ถ้าต้องติดเกาะของหนึ่งอย่างที่คุณจะนำไปด้วยคืออะไร เป็นต้น

สำหรับรูปแบบคำถามจะเป็นอย่างนี้ค่ะ คือ จะมีคำถามหลักในแต่ละหัวข้อประมาณ 10 กว่า ข้อ แล้วก็ถามวนกันไปในแต่ละช่วงชีวิต (7 ช่วงด้วยกัน) ก็จะได้ 100 ข้อ ในแต่ละหัวข้อแล้ว 

ส่วนที่สองที่เป็นการรวบรวมหลักการชีวิต อันนี้ก็น่าสนใจ ไปแอบดูว่าคนญี่ปุ่นเขามองชีวิตกันอย่างไร

ความคิดเห็นของฉัน

แน่นอนค่ะหนังสือเขียนกับการจดโน้ต

แต่...

ถ้าในความเห็นของอิง สัดส่วนเนื้อหาเป็นดังนี้ค่ะ

5% ประโยชน์ของการจดโน้ต

20% เทคนิคในการจดโน้ต

5% ผลของการนำไปใช้

35% วิธีคิด (หมายถึงวิธีใช้สมองคิด ประมวลผล เพื่อจดโน้ต บวกเรื่องเล่าต่างๆ)

35% แบบสอบถามสำหรับเวิเคราะห์ตัวเอง (คุณมาเอดะให้เหตุผลว่า หากไม่รู้จักตัวเอง ก็จะไม่รู้ว่าจะจดโน้ต แล้วนำไปใช้เพื่ออะไร)

เป็นหนังสือเกี่ยวกับการจดโน้ตเล่มแรกที่อิงอ่านแล้ว พูดถึงเทคนิคในการจดโน้ตค่อนข้างน้อย (ที่จริงตัวเทคนิคในการจดโน้ตของแต่ละเล่มก็คงเอามาขยายความอะไรมากไม่ได้) แต่ให้ความสำคัญกับวิธีคิดมากกว่า ซึ่งโดยส่วนตัวเห็นด้วยอย่างยิ่งนะคะ หากเราไม่สามารถเรียบเรียงความคิดตัวเองได้ ก็จะจดโน้ตวนไปวนมา ถือว่าคุณมาเอดะตีปัญหาได้ตรงโจทย์ คนส่วนใหญ่ที่จดโน้ตไม่ได้ เพราะคิดไม่ขาดค่ะ (การจดแค่ข้อเท็จจริง หรือจดตามที่เขียนอยู่ในสไลด์ ถือว่าไม่ค่อยได้ exercise สมองค่ะ แค่ใช้ตากับมือเท่านั้นเอง)

และแน่นอนค่ะ หากเราคิดวนไปวนมา เวลาเตรียมการนำเสนอ (presentation) เราก็จะคิดไม่ขาดเหมือนกัน พอทำสไลด์ออกมาก็วนไปวนมานั่นแหละค่ะ ดังนั้นสิ่งที่เรียนรู้จากหนังสือสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเรื่องการเตรียมสไลด์ได้ด้วยนะคะ

เทคนิคในการจดโน้ตของคุณมาเอดะ ก็น่าสนใจ เพราะพูดไปถึงเรื่องของแนวคิดที่ได้ (การสรุปจากข้อเท็จจริงและเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน) และการนำไปประยุกต์ใช้ซึ่งเป็นประโยชน์ที่แท้จริงที่เราควรได้จากการจดโน้ต

สิ่งที่อยากเห็นเพิ่มขึ้น คือ ตัวอย่างค่ะ น่าจะมีมากกว่านี้หน่อย

อิงคิดว่าจะลองเอาไปใช้ดูอย่างแน่นอนค่ะ ไว้ถ้าลองครบสักเดือนนึงจะมา update เพิ่มนะคะ

ว่าแล้วก็แนะนำให้ลองซื้อมาอ่านค่ะ ถือว่าโดดเด่นใช้ได้เลยเมื่อเทียบกับหนังสือว่าด้วยการจดโน้ตเล่มอื่นๆ ที่มีขายในท้องตลาด

อ่านรีวิว "จดโน้ตขั้นเทพ" จบแล้ว 

อย่าลืมอ่านรีวิว "จดโน้ตอย่างนี้สมองชอบจัง" ด้วย

จะได้ตัดสินใจเลือกซื้อถูกเล่ม

แนะนำหนังสือน่าอ่านอีกเล่ม

ช่วยให้การจดโน้ตของเรามองแว่บเดียวก็เข้าใจ 

ด้วยการใช้ไดอะแกรมนั่นเอง

Ing

วิศวกรสิ่งแวดล้อมที่หันมาทำงานบริหารโครงการ แต่สนใจเรื่องการนำเสนอมาก
จนอยากจะแบ่งปันสิ่งที่เรียนรู้มาตลอดหลายปี (ไม่กล้าบอกปี เดี๋ยวรู้อายุ) ให้กับผู้อ่านที่น่ารักทุกคน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked

{"email":"Email address invalid","url":"Website address invalid","required":"Required field missing"}

โพสต์อื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

รีวิวหนังสือ (น่าอ่าน): Storytelling with you
เรียนออนไลน์แบบไหนเหมาะกับตัวเรา?
รีวิวหนังสือ (น่าอ่าน): Everyday Business Storytelling