"มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์
มีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน"
สุภาษิตนี้อิงได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ
และอิงเชื่อว่าคนส่วนนึงเรียนรู้เรื่องเงินมาแค่ประมาณนั้น
ถึงแม้ว่าเราอยู่ในสังคมของการแลกเปลี่ยนด้วยเงิน
แต่บางคนทำแต่งาน แทบไม่เคยเรียนรู้เรื่องเงินอย่างจริงจัง
พอเห็นหนังสือ "สรุปเรื่องเงินให้เข้าใจง่ายใน 1 เล่ม"
อิงก็ซื้อทันที แบบไม่ต้องเปิดเนื้อใน
เพราะอยากให้หลานๆ ได้อ่าน จะได้มีความรู้เรื่องเงินติดตัว
อือม... ว่าแล้ว... เอามารีวิวให้ผู้อ่านของเราด้วยดีกว่า
เพราะทักษะด้านการเงิน ก็สำคัญไม่แพ้ทักษะในการทำงานเลยค่ะ
(ทำงานแทบตาย เก็บเงินไม่อยู่ ก็คงตายไปอย่างแห้งเหี่ยวค่ะ)
มาดูรีวิวกันค่ะ
ว่าจริงอย่างที่หน้าปกโปรยไว้มั๊ย?
More...
เกี่ยวกับผู้เขียน
ผู้เขียนมี 2 คน คือ คุณจักรพงษ์ เมษพันธุ์ (คุณหนุ่ม The Money Coach) และคุณวิฑูรย์ สูงกิจบูลย์ (เซนเซแป๊ะ เพจสรุปให้)
คุณหนุ่ม The Money Coach ตามชื่อเลยค่ะ แกเขียนหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ เป็นนักพูดและให้ความรู้เกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ผ่านหลายช่องทาง (อิงเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยผ่านตาผลงานของแกรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง)
เซนเซแป๊ะ มี Signature เรื่องการจับประเด็น และนำเสนอให้อยู่ในรูปแบบที่สั้นกระชับเข้าใจง่าย
คนหนึ่งมีเนื้อหา คนหนึ่งนำเนื้อหามาสื่อสารให้เข้าใจง่าย พอรวมกันมันน่าดึงดูดใจให้ซื้อมาอ่าน (อิงซื้อโดยไม่ได้ scan เนื้อหาก่อนซื้อ ถือว่าเป็นการซื้อโดยเชื่อฝีมือผู้เขียนอย่างแท้จริง)
หนังสือนี้น่าจะเหมาะกับใคร
เรื่องเงินทองเป็นเรื่องของคนทุกคน แต่หนังสือเล่มนี้เขียนสำหรับมือใหม่และมือค่อนข้างใหม่ หากคุณเคยอ่านหนังสือเรื่องเงินๆ ทองๆ มามาก และเชี่ยวชาญในการลงทุนรูปแบบต่างๆ หนังสือเล่มนี้อาจครอบคลุมสิ่งที่คุณรู้เกือบทั้งหมดแล้ว
แต่หากคุณเป็นมือใหม่ได้ประโยชน์แน่นอน อิงว่าคนที่น่าจะได้ประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้มากกว่าเพื่อน คือ
หนังสือเขียนเกี่ยวกับอะไรบ้าง
หนังสือเล่มนี้เป็นความรู้พื้นฐานเรื่องการเงินที่ประกอบด้วย Mindset + Concept + ภาพรวมในประเด็นต่างๆ หากอยากรู้เรื่องไหนก็ไปศึกษาเพิ่มต่อได้ค่ะ
เนื้อหามีทั้งหมด 40 บท แบ่งตามสีต่างๆ (แต่อิงไม่แน่ใจว่าแต่ละสีมีความหมายพิเศษอะไรหรือเปล่า เพราะอิงว่าบทมันปนๆ กัน)
สำหรับอิงเนื้อหาจะแบ่งเป็น ส่วนที่ 1 mindset และ ความรู้พื้นฐาน ส่วนที่ 2 รายได้ ส่วนที่ 3 การจัดการหนี้ และ ส่วนที่ 4 การออมเงิน และการต่อเงิน (ลงทุน)
หมายเหตุ: การแบ่งส่วนเนื้อหา อิงแบ่งเอง ในหนังสือไม่ได้แบ่งจ้า
มาดูรายละเอียดแต่ละส่วนกันค่ะ
ส่วนที่ 1 Mindset และความรู้พื้นฐาน
Mindset เป็นสิ่งสำคัญในการเริ่มต้นทุกอย่าง และอิงว่าหนังสือเริ่มได้ดีมากในส่วนนี้ด้วยเรื่องเล่าของเซนเซแป๊ะ ที่อิงว่าเป็นชีวิตมาตรฐานของคนทำงานส่วนใหญ่เลยค่ะ ตามที่พ่อแม่ปลูกฝังมา เรียนหนังสือให้เก่ง จะได้ทำงานดีๆ เก็บเงิน และสร้างครอบครัว แต่วันนึง... การทำงานประจำเพียงอย่างเดียวอาจไม่ตอบโจทย์ชีวิตเราค่ะ
ไม่จำเป็นที่ทุกคนต้องลาออกเหมือนเซนเซแป๊ะ (ซึ่งผู้เขียนก็ต้องการสื่อเช่นนั้นเหมือนกัน) แต่สิ่งที่ทุกคนควรมี คือ รายได้มากกว่า 1 ทาง เพื่อเป็น safety net เอาไว้เผื่อรายได้ทางใดทางหนึ่งหายไปอย่างกะทันหัน (ตัวอย่างใกล้ตัวค่ะ ไม่มีใครคิดว่านักบินที่เป็นอาชีพในฝันของใครหลายคน ต้องจบลงด้วยการว่างงานอยู่เป็นปีๆ ในภาวะที่โควิด-19 โจมตีโลกเรา)
ส่วนที่ 2 รายได้
อิงชอบบทที่ 12 ชีวิตผ่อนคลาย เมื่อมีรายได้หลายทาง เรื่องง่ายๆ แค่นี้ เชื่อมั๊ยคะว่า หลายคนไม่เคยคิดถึงเลยค่ะ คิดแต่มุ่งมั่นทำงานประจำ รับเงินเดือนเมื่อสิ้นเดือน ไม่มีรายได้ทางอื่นเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่เสี่ยงมากนะคะ
นอกจากการสร้างรายได้ด้วยเวลาและความสามารถของเรา (ซึ่งรวมถึงการค้าขายด้วย) เรายังสามารถนำเงินไปต่อเงินได้อีกด้วย ซึ่งในหนังสือมีเขียนเรื่องการลงทุนไว้หลายบท (อิงแยกไว้เป็นส่วนที่ 4)
ส่วนที่ 3 การจัดการหนี้
การจัดการหนี้เป็นอะไรที่เจ็บปวด โดยเฉพาะเมื่อเราไม่มีเงินจ่ายหนี้ ในหนังสือมี 3 บทว่าด้วยการจัดการหนี้ (บทที่ 16 - 18) ให้ภาพรวมว่าต้องจัดการยังไงบ้างถ้าคุณมีหนี้
ส่วนที่ 4 การออมเงิน และการต่อเงิน (ลงทุน)
การออมเงินและการต่อเงินมีความคาบเกี่ยวกันอยู่ค่ะ และเป็นเนื้อหาหลักประมาณครึ่งหนึ่งของหนังสือ หลากหลายวิธีการออมที่เล่าไว้ในบทต่างๆ น่าสนใจค่ะ ทั้งเก็บแบงค์ 50 ใส่กระปุก หรือการเปลี่ยนชีวิตด้วยการออมเงินเดือนให้ใช้ได้ 45 วัน หรือการออมในกองทุนหุ้น ก็น่าสนใจและเอาไปใช้ได้ไม่ยากเลย
บทที่ 29 ถึง 33 พูดถึงเรื่องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (เพื่อเช่าและเพื่อขาย) ซึ่งหากจะลงทุนจริงๆ ต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกเยอะค่ะ แต่เนื้อหาที่เขียนในบทเหล่านี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
ในบทที่ 37 อยากมี 1 ล้านแรก ต้องเก็บเงินยังไง อิงว่าน่าจะเป็นคำถามของคนทำงานส่วนใหญ่ที่โหยหาเงินเก็บล้านแรกในชีวิต สิ่งที่เขียนไว้ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนเลยค่ะ แต่การจะทำให้ได้ต้องมีวินัยในตัวเองอย่างยิ่ง
ความคิดเห็นของฉัน
อิงชอบเรื่องเล่าในหนังสือเล่มนี้นะคะ ค่อนข้างใกล้ตัว โดยเฉพาะหากคุณอยู่ในสังคมของการทำงานแล้ว (เด็กๆ ก็อ่านได้นะจ๊ะ) สำหรับคนที่กังวลว่าจะเป็นหนังสือการเงินที่เคร่งเครียดหรือเปล่า สบายใจได้ค่ะ หนังสือเล่มนี้อ่านง่ายมาก ต้องให้เครดิตผู้เขียนทั้ง 2 คน เลยค่ะ เนื้อหากระชับ จับประเด็นที่สำคัญ และเรียบเรียงออกมาดี ถือเป็นหนังสือที่ค่อนข้างแหวกแนวจากท้องตลาดค่ะ (รูปแบบการเขียน และการจัดวางเนื้อหา)
จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ คือ
ส่วนที่อิงคิดว่าอาจยังไม่ตรงกับความคาดหวังมากนัก คือ
สรุปว่า... ควรซื้อมั๊ย?
ถ้าถามว่าควรซื้อหนังสือเล่มนี้มั๊ย คุ้มหรือเปล่า ต้องถามตัวเองว่าอยากรู้เรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องการเงินขั้นพื้นฐานและภาพรวมของชีวิต (ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน) เพื่อเตรียมตัวไปอ่านเล่มอื่นๆ ต่อ ก็ถือว่าตอบโจทย์ตรงนี้ค่ะ ยิ่งถ้าเราเป็นพวกอ่านหนังสือไม่ทนหรือไม่ชอบอ่านตัวหนังสือเยอะๆ หนังสือเล่มนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีค่ะ
แต่ถ้าเราต้องการคัมภีร์แบบเจาะลึก แบบจับมือทำ ก็อาจต้องมองหาเล่มอื่น
สุดท้ายนี้ อิงเชื่อว่าทุกคนควรมีความรู้เรื่องการจัดการเงินของตัวเราเอง ยิ่งเริ่มต้นได้เร็วยิ่งดี สำหรับอิงหนังสือเล่มนี้คุ้มกับการลงทุน เพราะตัวเองได้อ่านทบทวน แล้วได้ส่งต่อให้หลานๆ ที่รักอ่านเพื่อสร้างกรอบความคิดเรื่องเงินที่ถูกต้องตั้งแต่เด็ก
คำถามชวนคิด
สุขภาพทางการเงินของคุณเป็นอย่างไร?
อ่านรีวิว "Money Summary" จบแล้ว
อย่าลืมอ่านรีวิว "Money Lecture" ด้วย
จะได้ตัดสินใจเลือกซื้อถูกเล่ม
แนะนำหนังสือน่าอ่านอีกเล่ม
มาเพิ่มประสิทธิภาพในชีวิตประจำวันด้วยสิ่งเล็กๆ
ที่เรียกว่า Life Hacks กัน