งานของเราจะสะท้อนความเป็นเราได้เป็นอย่างดี
จะงานดี งานเรียบร้อย งานชุ่ย งานสะเพร่า...
ทั้งหมดมันคือตัวเรา
หรืออย่างน้อย
นั่นเป็นสิ่งที่คนที่ได้รับงานของเรามองว่าเราเป็น...
ว่าแต่คุณอยากเป็นคนแบบไหน?
แล้วอยากให้คนอื่นมองคุณว่าเป็นคนแบบไหน?
More...
อิงเคยอ่านหนังสือแล้วเจอ quote ที่ประทับใจมาก เขาว่าว่า
"Make it a life rule to give your best to whatever passes through your hands. Stamp it with your manhood. Let superiority be your trademark." - Orison Swett Marden
แปลความในบริบทเรื่องงานได้ว่า งานที่ออกจากมือเราต้องดีที่สุด เพราะมันสะท้อนตัวตนของเรา (ให้ความยอดเยี่ยมเป็นเครื่องหมายการค้าของเรา แบบว่าแค่ผู้รับรู้ว่างานนี้เราเป็นคนทำ เขาก็คาดเดาได้ว่ามันต้องออกมาเยี่ยมแน่เลย)
อาจเพราะเราอยู่ในยุคที่ทุกอย่างมันง่ายและเร็วไปหมด อยากส่งงานเราก็สามารถพิมพ์แล้วส่ง email อย่างรวดเร็วทันใจ ทำให้บางครั้งเราอาจประณีตกับงานของเราน้อยลง
อิงมีข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ถึง 3 สิ่งควรทำ ก่อนส่งงานให้ผู้อื่น เป็นเหมือน checklist ให้เราตรวจสอบอีกรอบก่อนส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดของเราอออกไปค่ะ
#1 ตรวจสอบความถูกต้องและเหมาะสมของเนื้อหา
งานที่ดีเนื้อหาต้องถูกต้องด้วยค่ะ ตรวจสอบอีกครั้งว่า
#2 จัด layout ให้งานดูเป็นมืออาชีพ
การจัด layout ช่วยให้งานของเราดูเป็นงานที่เสร็จแล้ว (ไม่ใช่ทำค้างไว้แล้วส่งไปเลย) และยังเป็นการลดภาระของผู้อ่านในการทำความเข้าใจเอกสารของเราด้วยค่ะ เช่น หัวข้อหลักคืออะไร เนื้อหาตรงนี้ต่อจากบรรทัดข้างบนหรือไม่ เป็นต้น
งานที่ไม่จัด layout ก่อนส่ง มีโอกาสสูงมากที่จะถูกมองว่าเป็นงานที่ยังไม่เสร็จดี งานชุ่ย หรือแม้กระทั่งคนทำชุ่ย ก็ได้ค่ะ เราควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้การอ่านงานเอกสารที่ไม่จัด layout แถมเนื้อหายาวๆ อาจทำให้ผู้อ่านอารมณ์เสียและเลิกอ่านได้
#3 ตรวจสอบความสอดคล้องของเอกสาร
สิ่งสุดท้ายที่เสริมความเป็นมืออาชีพ คือ ความสอดคล้องหรือความสม่ำเสมอของเอกสาร (Consistency)
สิ่งที่ควรตรวจสอบเรื่อง Consistency คือ
คำถามชวนคิด
งานเอกสารล่าสุดที่คุณส่งให้ผู้อื่นจัดอยู่ในระดับใด?